วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ตอร์เรส

เฟร์นานโด ตอร์เรส

เฟร์นานโด ตอร์เรสย้ายมาร่วมทีมเชลซีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2011 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดช่วงนั้น หลังจากเล่นให้ลิเวอร์พูลนาน 3 ฤดูกาลครึ่ง
ความสามารถในการทำประตูของตอร์เรสอยู่ในระดับแถวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ดาวยิงวัย 26 ปียิงไป 65 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้ลิเวอร์พูลจากการลงสนาม 102 นัด และทำได้ 81 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 145 นัดในทุกรายการ
ในระยะเวลา 12 ปีที่แอตเลติโก มาดริด เอล นินโญ่ (ชื่อเล่นของตอร์เรสในสเปน) เคยเป็นทั้งผู้เล่นและกัปตันที่อายุน้อยที่สุดของสโมสร เขาลงเล่นครั้งแรกเมื่อายุ 17 ปี และได้สวมปลอกแขนในอีก 2 ปีหลังจากนั้น
ฟอร์มในการลงเล่นเต็มฤดูกาลครั้งแรกของตอร์เรสยังไม่ดีนัก เขาทำได้เพียง 6 ประตูจากการลงสนาม 36 นัดในลีก แต่ในฤดูกาลถัดมาตอร์เรสพัฒนาขึ้นโดยทำได้ 13 ประตูจากการลงสนาม 29 นัด และขึ้นไปถึง 20 ประตูในฤดูกาล 2003/04 ปีที่เขายิงได้มากที่สุดตลอดการเล่นที่สเปนและยังเป็นปีแรกที่เขาลงเล่นให้ ทีมชาติด้วย
หลังจากได้เล่นเกมในระดับนานาชาติและสถิติยิง 75 ประตูจากการลงเล่น 174 นัด ทำให้ตอร์เรสเป็นที่สนใจของหลายสโมสรในยุโรป แต่เขาเลือกที่จะร่วมงานกับโค้ชชาติเดียวกันอย่างราฟาเอล เบนิเตซที่ลิเวอร์พูล
การย้ายทีมเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปี 2007 ด้วยค่าตัวราว 20 ล้านปอนด์และแลกกับหลุยส์ การ์เซีย ประตูแรกของกองหน้าวัย 23 ปีในขณะนั้นคือการยิงเชลซีที่แอนฟิลด์ ในเกมที่ทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1
หลังจากทำได้ถึง 33 ประตูในฤดูกาลแรกของเขาที่อังกฤษ รวมถึงแฮตทริกถึง 3 ครั้งฤดูกาลต่อมาตอร์เรสทำได้เพียง 17 ประตูเนื่องจากโดนปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ลิเวอร์พูลเข้าป้ายเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้น ส่วนฤดูกาลที่แล้ว แม้ลิเวอร์พูลจะจบอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีก แต่ตอร์เรสทำได้ถึง 22 ประตูจากการลงสนาม 32 นัด
ในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี ตอร์เรสยิงได้3ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม แต่สเปนแพ้ให้กับฝรั่งเศสในรอบน็อกเอาท์รอบแรก อย่างไรก็ตามอีก 2 ปีหลังจากนั้นที่ยูโร 2008 ตอร์เรสทำประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศกับเยอรมนี ทำให้สเปนคว้าแชมป์รายการสำคัญได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1964
เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาที่แอฟริกาใต้ ตอร์เรสมีปัญหาความฟิตและไม่สามารถเรียกฟอร์มกลับมาได้ในฟุตบอลโลก หลังจากเข้ารับการผ่าตัดในเดือนเมษายน ทำให้เปโดรได้ลงสนามแทนที่เขาในชัยชนะนัดรองชนะเลิศเหนือเยอรมนี และเอล นินโญ่ได้ลงสนามเป็นเพียงแค่ตัวสำรองในช่วงท้ายเกมในนัดชิงชนะเลิศที่สเปน เอาชนะฮอลแลนด์ไป 1-0
ฤดูกาลนี้ตอร์เรสลงสนามให้ลิเวอร์พูล 26 นัด และทำได้ 11ประตู รวมถึง 2 ประตูที่เขายิงเชลซีระหว่างเกมที่แอนฟิลด์เมื่อเดือนพฤศจิกายน
ตอร์เรสกลายเป็นกองหน้าคนแรกที่สวมเสื้อหมายเลข 9 ของเชลซีต่อจากเฮอร์นัน เครสโปในฤดูกาล 2005/06 และดาวยิงอีกหลายคนก่อนหน้านั้น 

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

กองเรือยุทธการ

ประวัติกองเรือยุทธการ

เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้มีการจัดตั้งชื่อหน่วยในครั้งนั้นว่า กองทัพเรือ เพื่อทำ หน้าที่ควบคุมดูแลเฉพาะเรือรบ และได้รับการตั้งชื่อหน่วยในครั้งนั้นว่า  กองทัพเรือ  ซึ่งต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ หน่วยนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น  กองเรือรบ ต่อมาครั้นเมื่อกระทรวงทหารเรือได้เปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพเรือ ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ กองเรือรบซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงของ กองทัพเรือ  จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นกองเรือยุทธการ ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๔ เป็นต้นมา ดังนั้นกองเรือยุทธการจึงได้ถือเอาวันที่ ๑๙ ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันคล้าย วันสถาปนากองเรือยุทธการ ซึ่งนับถึงปัจจุบันเป็นเวลาครบ ๗ รอบ หรือ ๘๔ ปีแล้ว   โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองเรือยุทธการได้รับการพัฒนาทางด้านกำลังรบทางเรือมาโดยตลอด ทำให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้อง และรักษาเอกราชของชาติ  ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจ ตามที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพเรือและรัฐบาล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันกองเรือยุทธการมีเรือประเภทต่าง ๆ จำนวน กว่า ๒๐๐ ลำ อากาศยานประเภทต่าง ๆ กว่า ๑๐๐ เครื่อง และกำลังพลในสังกัดมากกว่า ๑๐,๐๐๐ คน

ประวัติบัวขาว

บัวขาวเกิดและเริ่มชีวิตอาชีพมวยไทย ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ที่อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ เข้ากรุงเทพมาสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข เมื่ออายุได้ 15 ปี บัวขาวได้รับเข็มขัดแชมป์มาครองเป็นจำนวนมากภายหลังเริ่มอาชีพมวยไทยที่ กรุงเทพ ได้แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท ในปี พ.ศ. 2545 บัวขาวชนะเลิศมวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี ชนะโคบายาชินักชกชาวญี่ปุ่น[6]
พ.ศ. 2547 บัวขาวชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2004 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยชนะ จอห์น เวย์น พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย โคะฮิรุยมาคิ และมาซาโตะแชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น[6] และในปีต่อมา บัวขาวเกือบที่จะรักษาแชมป์รายการ เค-วัน ได้ โดยแพ้คะแนน แอนดี้ ซอเยอร์ ในนัดชิงชนะเลิศอย่างน่ากังขา[1]
พ.ศ. 2549 บัวขาวเข้าชิงชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง[6] โดยเป็นนักมวยคนแรกในรายการนี้ที่ชนะเลิศสองสมัย
พ.ศ. 2550 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 บัวขาวสามารถผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายโดยชนะคะแนน ไนกีย์ "เดอะ เนเจอรัล" โฮลต์ซเคน นักมวยชาวฮอลแลนด์
พ.ศ. 2551 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยบัวขาวแพ้น็อกให้กับ โยชิฮิโร่ ซาโตะ นักมวยชาวญี่ปุ่น แฟนมวยบางส่วนกังขาว่ามีการล้มมวยหรือไม่ แต่พิจารณาแล้วพบว่าบัวขาวแพ้น็อกจริงๆ ด้วยเข่าของซาโตะทำให้จุกและโดนหมัดฮุคเข้ากกหูสลบคาเวที เป็นความเสียใจของคนไทยครั้งหนึ่ง
พ.ศ. 2552 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยคราวนี้สามารถเข้าถึงรอบ 4 คนสุดท้าย แต่ต้องมาแพ้คะแนนให้แอนดี้ ซาวเวอร์ คู่ปรับเก่าอย่างน่ากังขาอีกหน บัวขาวถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้กรรมการชี้แจงผลการตัดสิน แฟนมวยเควันต่างพากันเห็นใจบัวขาวโดยมีหลักฐานคือผลโหวตนักสู้เค-วันแม็กซ์ ของปีนี้ บัวขาวได้เป็นอันดับ 2 ด้อยกว่าเพียง จอร์จิโอ เปโตรเซียน แชมเปี้ยนรายการเควันปีนี้เท่านั้น